การตรวจสภาพรถยนต์ เป็นสิ่งที่จำเป็นมากไม่ว่ารถคุณจะใหม่หรือจะเก่า ซึ่งการตรวจสภาพรถยนต์นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามโดยให้เหตุผลในเรื่องทางกฎหมายจราจรและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันประเทศไทยมักมีปัญหาเรื่องการใช้งานรถยนต์และพาหนะอื่น ๆ ด้วยความมักง่ายค่อนข้างมาก ทำให้มีปัญหาด้านอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง หรือยังไม่เกิดอุบัติเหตุ ก็เป็นเพราะขาดความใส่ใจในการดูแลสภาพรถยนต์ตามที่กฎหมายกำหนดค่อนข้างมาก เลยจำเป็นจะต้องมีสถานีตรวจสภาพรถยนต์และยานพาหนะอื่น ๆ ตามแต่ละจังหวัดเพิ่มขึ้น
รถกี่ปีต้องตรวจสภาพ ค่าตรวจเท่าไร ข้อมูลครบจบในที่เดียว
การตรวจสภาพรถยนต์ ดียังไงบ้าง
การตรวจสภาพรถยนต์ถ้ามองในข้อดี มันมีข้อดีเยอะมากและเป็นเรื่องที่สามัญสำนึกควรจะมี ไม่ว่าจะชนชั้นไหนของสังคมก็ตาม โดยประโยชน์ของการตรวจเช็คสภาพรถยนต์นั้นมันมีประโยชน์มากกว่าที่คิด โดยมีข้อดีดังนี้
- จำเป็นต่อการต่อภาษีประจำปี แน่นอนว่ามันเป็นกฎหรือข้อบังคับว่าจะต้องต่อภาษีตามกฎหมายของกรมการขนส่งทางบกที่ระบุชัดเจน การตรวจสภาพเครื่องยนต์จะเป็นตัวบ่งบอกว่าเครื่องยนต์อยู่ในสภาพที่ดี เหมาะสมต่อการใช้งานในปีภาษีต่อไปหรือไม่ ซึ่งมีทั้งรถยนต์ใหม่ ๆ รถยนต์รุ่นเก่า หรือรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 10 ปี จะต้องมีการต่อภาษีเพื่อไม่ให้ขาด และรถอยู่ในสภาพดี เหมาะที่จะออกท้องถนนได้ตามความเหมาะสมจริง ๆ โดยไม่เสี่ยงอุบัติเหตุบนท้องถนน
- เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากความปลอดภัยบางอย่างซึ่งการตรวจเช็คสภาพเครื่อง มีความจำเป็นค่อนข้างมาก เนื่องจากอายุการใช้งานส่งผลต่อเครื่องยนต์โดยตรง โดยในกลุ่มรถยนต์ส่วนบุคคลจะไม่เกินหรือใช้งานมา 7 ปี จะต้องมีการตรวจสภาพเครื่องยนต์ตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ว่าจะเป็นสภาพเครื่องยนต์ที่ตรงตามที่แจ้งในทะเบียนคู่มือรถยนต์หรือไม่ มีการดัดแปลงจากสภาพเดิมอันส่งผลต่อความปลอดภัยในระยะยาวหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเช็คอย่างละเอียดเลยทีเดียว
- ค่าคาร์บอนไดออกไซด์ ควันดำ หรือค่าเดซิเบลที่เหมาะสม เนื่องจากจะต้องให้ความสำคัญด้านนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม และลดระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ มันจะมีระยะเวลา คาบปีที่จดทะเบียนที่แตกต่างกัน โดยจะมีข้อมูลที่จะอธิบายเพิ่มเติมได้ว่า
- รถยนต์หรือยานพาหนะอื่นที่จดทะเบียนก่อนวันที่ 1 พ.ย. 2536 จะต้องมีค่าคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไม่เกินร้อยละ 4.5 และค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอนที่เป็นพิษ จะต้องไม่เกิน 600 ส่วนในล้านส่วน
- รถยนต์หรือยานพาหนะอื่นที่จดทะเบียนในระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2536 – 31 ธ.ค. 2549 ตามกฎควบคุมมลพิษทางอากาศ จะต้องมีค่าคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไม่เกินร้อยละ 1.5 และและค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอนที่เป็นพิษ ไม่เกิน 200 ส่วนในล้านส่วน
- รถยนต์ในชนิดอื่น ๆ นอกเหนือจากข้อก่อนนี้ ที่จดทะเบียนเป็นเจ้าของอย่างเป็นทางการก่อน 1 ม.ค. 2550 ตามกฎควบคุมมลพิษทางอากาศ จะต้องมีค่าคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไม่เกินร้อยละ 4.5 และค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอนที่เป็นพิษไม่ควรที่จะเกิน 600 ส่วนในล้านส่วน
- รถยนต์หรือยานพาหนะอื่นที่จดทะเบียนในตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2550 เป็นต้นไป ตามกฎควบคุมมลพิษทางอากาศ จะต้องมีค่าคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไม่เกินร้อยละ 0.5 และค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอนที่เป็นพิษไม่ควรที่จะเกิน 100 ส่วนในล้านส่วน